หน้าตากล่องบรรจุ The new iPad (iPad 3) ครับ จะสังเกตเห็นได้ว่า พื้นหลังหน้าจอ The new iPad (iPad 3) จะมีสีเข้มกว่า iPad 2 นอกจากนี้ ตัวกล่องยังสามารถแยกได้ว่า เป็น The new iPad (iPad 3) สีขาว หรือสีดำ
ภายในกล่องนั้น จะบรรจุที่ชาร์ตแบตเตอรี่, สายเคเบิ้ล 30-pin dock connector สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และเสียบกับที่ชาร์ตแบตเตอรี่ และคู่มือการใช้งานครับ ถ้าหากเป็น The new iPad (iPad 3) รุ่นที่รองรับ Wi-Fi + Cellular จะมีเข็มจิ้ม microSIM แนบมาด้วย
ที่ชาร์ตแบตเตอรี่ครับ เป็นการนำ 2 ส่วนมาประกอบกัน
สายเคเบิ้ล 30-pin dock connector
เข็มจิ้ม microSIM
หน้าตาของ The new iPad (iPad 3) สีขาวครับ จะเห็นได้ว่า การออกแบบนั้น เหมือนกับ iPad 2 มากเลยทีเดียว จนแทบจะแยกไม่ออกครับ
ด้านหลังของ The new iPad (iPad 3) ครับ โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นที่รองรับ Wi-Fi + Cellular ทำให้ตัวเครื่องด้านหลัง มีแถบพลาสติกสีดำคาดอยู่ด้านบนด้วย
แต่ถ้าหากเป็น The new iPad (iPad 3) ที่รองรับ Wi-Fi เพียงอย่างเดียว จะไม่มีแถบสีดำด้านบนครับ (ตามรูป)
ปุ่ม Home มีลักษณะเหมือนเดิมครับ
กล้องด้านหน้า ความละเอียดระดับ VGA ซึ่งเป็นความละเอียดเท่ากับบน iPad 2 สำหรับใช้งาน FaceTime
มาดูปุ่มควบคุมการทำงานในส่วนอื่นกันบ้าง ที่เห็นจากภาพนี้ คือ ปุ่ม Mute/Lock Rotation (แล้วแต่ผู้ใช้งานจะตั้งค่า) และปุ่มปรับเพิ่ม-ลดเสียง
ปุ่มด้านบนตัวเครื่อง เป็นปุ่มเปิด-ปิด-ล็อคเครื่อง
ช่องสำหรับหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตรครับ บรรจุอยู่ด้านบนของตัวเครื่อง ส่วนที่เห็นด้านข้างนั้น คือ ช่องสำหรับใส่ microSIM card ครับ ซึ่งจะมีเฉพาะรุ่น Wi-Fi + Cellular เท่านั้น
ถาดซิมการ์ด มีลักษณะเป็นแบบนี้ครับ
พอร์ต USB แบบ 30-pin ซึ่งเป็นพอร์ตหน้าตาเดิมๆ เหมือน iPad 2
ตะแกรงลำโพงทางด้านหลังของตัวเครื่อง ยังคงมีฝั่งเดียวเหมือนเดิมครับ
กล้อง iSight ที่มีความละเอียดเพิ่มขึ้น จากเดิม 0.7 ล้านพิกเซลบน iPad 2 กลายเป็น 5 ล้านพิกเซลบน The new iPad (iPad 3) โดยเซนเซอร์ที่ใช้นั้น เป็นแบบเดียวกับบน iPhone 4S แต่ The new iPad (iPad 3) นั้น ไม่มีไฟแฟลชครับ
เปรียบเทียบ The new iPad (iPad 3) กับ iPad 2
สิ่งที่จะแยกความแตกต่างระหว่าง The new iPad (iPad 3) (ล่าง) และ iPad 2 (บน) ได้นั้น ก็คือ กล้องถ่ายรูปที่อยู่ด้านหลังตัวเครื่องนั่นเองครับ ซึ่งจะสังเกตได้ว่า กล้องบน The new iPad (iPad 3) นั้น มีขนาดใหญ่กว่า iPad 2 มากเลยทีเดียว เป็นเพราะเซนเซอร์ที่บรรจุในตัวกล้องนั้น มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นนั่นเอง
มาดูความหนาของตัวเครื่องกันบ้างครับ เมื่อมองด้วยตาเปล่า จะไม่สามารถแยกความแตกต่างได้อย่างชัดเจน แต่จริงๆ แล้ว The new iPad (iPad 3) (ล่าง) หนากว่า iPad 2 (บน) ประมาณ 0.6 มิลลิเมตร
User Interface
หน้า Lock screen - หน้า Homescreen
สำหรับ User Interface บน The new iPad (iPad 3) นั้น คิดว่า สาวก iOS คงจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว กับ iOS 5.1 ซึ่งเป็น User Interface เดียวกับบน iPhone, iPad 1, iPad 2 รวมไปถึง iPod Touch ด้วยนั่นเอง (ปัจจุบันเป็น iOS 5.1.1)
Multi-tasking - Notification bar
หน้าตาโดยรวม และการใช้งาน iOS 5.1 บน The new iPad (iPad 3) นั้น เหมือนกับผลิตภัณฑ์ iOS ครับ แต่บน The new iPad (iPad 3) จะแตกต่างจากบน iPhone เล็กน้อยตรงหน้า Lock screen ซึ่งบน iPhone จะเป็นปุ่ม shortcut เข้าสู่โหมดกล้องแต่บน The new iPad (iPad 3) และ iPad 2 นั้น จะเป็น shortcut เข้า Photos ครับ
บันทึกข้อความง่ายๆ ด้วย Notes
หลังจากที่เราได้ทำการบันทึกข้อความเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระบบจะทำการเซฟให้อัตโนมัติ และทำการซิงค์เข้าไปเก็บไว้ในอีเมลที่ได้ตั้งค่าไว้ด้วย ฉะนั้น ใครที่กลัวว่า Note จะสูญหาย ไม่ต้องห่วงครับ เนื่องจาก Notes ได้เข้าไปอยู่ในอีเมลของเราเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มข้อความใหม่ บนบันทึกอันเก่าได้อีกด้วย
Safari Browser
สำหรับเว็บไซต์ที่เปิดเข้าใช้งานบ่อย หรือทุกวัน สามารถ Add Bookmark ได้เลยทันที โดยที่ไม่ต้องพิมพ์ URL เว็บนั้นใหม่ให้เสียเวลา นอกจากนี้ ถ้าหากเรากำลังติดพันนิยาย หรือละครเรื่องหนึ่งอยู่ และยังอ่านไม่จบ สามารถเก็บไว้อ่านแบบออฟไลน์ได้ ด้วยการ Add to Reading List ครับ
แกลอรี่ภาพถ่าย บน Photos
กล้อง iSight ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
จากกล้องความละเอียดระดับ VGA 0.7 ล้านพิกเซล บน iPad 2 ที่ถูกพัฒนาให้ดีขึ้น กลายเป็นกล้อง iSight ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล บน The new iPad (iPad 3) ครับ โดยเซนเซอร์กล้องบน The new iPad (iPad 3) นั้น เป็นเซนเซอร์เดียวกับบน ไอโฟน 4S (iPhone 4S) เป็นเลนส์ 1 ชุดที่มีเลนส์ซ้อนกัน 5 ชิ้นนั่นเอง นอกจากนี้ ยังสามารถถ่ายคลิปวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p อีกด้วย อย่างไรก็ดี The new iPad (iPad 3) ไม่มีแฟลชนะครับ
User Interface ขณะถ่ายรูป มีออปชั่น Grid มาให้ด้วย
สลับเป็นโหมดถ่ายภาพวิดีโอ ได้จากปุ่มล่างซ้าย
ตัวอย่างภาพถ่าย จากกล้อง iSight ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล บน The new iPad(iPad 3)
** กดที่รูปเพื่อดูภาพขนาดใหญ่ขึ้น
ตัวอย่างคลิปวิดีโอ
** ลองปรับเป็นขนาด Full HD 1080p ดูครับ
แนะนำแอพพลิเคชั่นน่าใช้ บน The new iPad (iPad 3)
สำหรับผู้ใช้งานที่เคยสัมผัสกับ iPad ทั้ง iPad 1 และ ไอแพด 2 (iPad 2) รวมถึง iPhone คงจะคุ้นเคยกันดีกับแอพพลิเคชั่นบน AppStore กันมาบ้างแล้ว แต่สำหรับท่านที่เพิ่งเคยใช้ระบบปฏิบัติการ iOS เป็นครั้งแรก อาจจะไม่สามารถเลือกใช้งานแอพพลิเคชั่นได้ตรงกับความต้องการ ด้วยเหตุนี้ จึงขอแนะนำ แอพพลิเคชั่นน่าใช้ บน The new iPad (iPad 3) ทั้งในด้านการอ่าน และบันเทิง เพื่อที่จะได้เลือกไปใช้งานได้อย่างถูกต้องครับ** หมายเหตุ: เนื่องจากเครื่อง The new iPad (iPad 3) ที่นำมารีวิวในครั้งนี้ เป็นเครื่องจาก TrueMove H ฉะนั้น จึงขอแนะนำแอพพลิเคชั่นที่พ่วงมากับแพ็กเกจ ถ้าหากซื้อ The new iPad (iPad 3) แบบ Wi-Fi + Cellular ภายใต้เครือข่าย TrueMove H รวมไปถึงแอพพลิเคชั่นอื่นๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจครับ
ดูทีวีแบบออนไลน์ง่ายๆ ด้วย H TV
จริงๆ แล้ว แอพพลิเคชั่น H TV เป็นแอพพลิเคชั่นที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานบน iPhone ฉะนั้น เมื่อดาวน์โหลดมาใช้งานบน The new iPad (iPad 3) เราจำเป็นที่ต้องขยายขนาดหน้าจอเป็น 2X เพื่อให้หน้าจอใหญ่ขึ้นนั่นเอง ส่วนจำนวนช่องที่ผู้ใช้งานสามารถดูได้นั้น ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจที่สมัครทางทรูวิชั่นส์ด้วยครับ
ทดสอบดูทีวีแบบออนไลน์
ถ้าหากผู้ใช้งานเป็นสมาชิกของทรูวิชั่นส์อยู่แล้ว จะสามารถรับชม H TV ได้เลย ตามแพ็กเกจที่สมัคร ส่วนลูกค้า TrueMove H รับสิทธิ์ดูฟรี 12 เดือน ถ้าหากสมัครใช้บริการครับ
ฟังเพลงออนไลน์สบายๆ สดใหม่ทุกวัน กับ H MUSIC
ซึ่งการฟังเพลงผ่าน H MUSIC นั้น จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับเครือข่าย 3G ของ TrueMove H จึงจะสามารถใช้งานได้ครับ (หลังจากลองอินเทอร์เน็ตที่บ้าน ไม่สามารถฟังได้ครับ)
guRu อัพเดทข่าวฮิต ประเด็นฮอต จาก 40 กูรูชื่อดัง
ตัวอย่างของ Digital reader ในแอพพลิเคชั่น guRu
สำหรับราคาของแอพพลิเคชั่น guRu นั้น อยู่ที่ 49 บาทต่อเดือน แต่ลูกค้าทรูมูฟ เอช อ่านฟรี 3 เดือนครับ
True iService ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ สำหรับลูกค้า TrueMove H
myLife รวมบริการทุกอย่างของ TrueMove H ไว้ในแอพฯ เดียว
อ่านหนังสือจากสำนักพิมพ์ชื่อดัง ด้วย ebook.in.th
GM Group Magazines รวมนิตยสารชื่อดังบนแผงหนังสือ
iPhoto แอพพลิเคชั่นตกแต่งภาพบน iOS
เว็บไซต์เทคโมบล็อค เคยทำการรีวิว แอพพลิเคชั่น iPhoto ไว้แล้ว สามารถหาอ่านได้จาก ลิงค์นี้ครับ
ThaiDict ดิกชั่นนารีแปลไทย-อังกฤษ และอังกฤษ-ไทย
บทสรุปการใช้งาน The new iPad (iPad 3)
ถ้าหากสอบถามในฐานะผู้ที่เคยใช้ ไอแพด 2 (iPad 2) มาก่อนว่า สมควรจะเปลี่ยนจาก ไอแพด 2 (iPad 2) มาเป็น The new iPad (iPad 3) หรือไม่ คำตอบก็คือ ยังไม่ถึงเวลาครับ (ความเห็นส่วนตัวนะครับ) เพราะหลังจากที่ได้ทดลองใช้งานThe new iPad (iPad 3) มาซักระยะหนึ่ง ความรู้สึกหลังจากที่ได้ใช้งานก็คือ เหมือนกับยังเล่น ไอแพด 2 (iPad 2) อยู่ ไม่ได้รู้สึกว่า เปลี่ยนไปมากนัก (ยกเว้นคนที่ชอบถ่ายรูปนะครับ เพราะถือว่า ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนแน่นอน) แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยใช้ iPad มาก่อน น่าจะถูกใจกับฟังก์ชั่นหลายๆ อย่าง ด้วยเหตุนี้ จึงขอสรุปเป็นจุดเด่น และจุดด้อย ตามความเห็นส่วนตัว ดังนี้ครับจุดเด่น
1. The new iPad (iPad 3) หน้าจอละเอียดกว่า ไอแพด 2 (iPad 2) มากครับ ถ้าหากใช้งานประเภท e-book หรือเปิดอ่านเว็บไซต์ ถือว่า สบายตามากเลยทีเดียว
2. ถ้าหากเป็นคนที่ชื่นชอบการถ่ายรูปอยู่แล้ว รูปที่ถ่ายจาก The new iPad (iPad 3) นั้น มีความชัดเจนในระดับหนึ่งครับ
3. เปิดหน้าเว็บไซต์ได้เร็วขึ้น และดีขึ้นกว่าแต่ก่อน
4. The new iPad (iPad 3) เหมาะสำหรับเล่นเกมภาพกราฟฟิคสวยๆ ครับ เนื่องจากหน้าจอชัดขึ้น นอกจากนี้ GPU ยังเป็นแบบ Quad-core Processor สามารถประมวลผลได้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
จุดด้อย
1. ดีไซน์เดิมๆ ไม่มีอะไรหวือหวา
2. กล้องด้านหลัง ละเอียดกำลังดี แต่ขาดไฟแฟลช
3. ตัวเครื่องหนักขึ้นกว่า ไอแพด 2 (iPad 2) ครับ ถ้าหากใครที่เคยสัมผัส ไอแพด 2 (iPad 2) จะรู้สึกได้เลยว่า หนักขึ้นจริง
4. ตัวเครื่องร้อนขึ้นกว่าเดิม แต่ร้อนในลักษณะอุ่นๆ ครับ ไม่ถึงกับร้อนมากจนจับไม่ได้
ที่มาhttp://www.techmoblog.com/the-new-ipad-ipad-3-review
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น